ค้นหาข้อมูล
คำพังเพย สุภาษิตและสำนวนไทย หมวด ด.
10340 view
 Post Date:  14/8/12 - 9:09:pm
คำพังเพย สุภาษิตและสำนวนไทย หมวด ด.

ได้กำจะเอากอบ

         เป็นสำนวนพังเพยธรรมดาที่เมื่อพูดก็รู้ความหมาย ซึ่งจะเหมือนกับสำนวนที่ว่า ได้คืบจะเอาศอก หรือได้ศอกจะเอาวา ความหมายในสำนวนเหมือนกัน ต่างกันคือ กำและกอบ เป็นคำบอกปริมาณ ส่วนคืบ ศอก หรือวา นั้นเป็นระยะ แต่มีสำนวนที่ตรงข้ามกันคือ “เสียกำช้ำกอบ” ทั้งนี้หมายความได้ทั้งสิ่งที่เป็นรูปธรรม เช่น เงินทอง ของใช้ หรือนามธรรม เช่น ชื่อเสียงเกียรติยศ ลาภสักการะต่างๆ


ดินพอกหางหมู

         สำนวนนี้โบราณเอาอาชีวะอย่างหนึ่งของผู้คนมาร้อยเรียงเป็นสำนวนเรื่องราวเพื่อบอกเป็นนัยหนทางชีวิตไว้ อาชีพอย่างนี้คืออาชีพเลี้ยงหมูขาย หรือแม้แต่มิได้เป็นอาชีพ บ้านเรือนก็มีหมูเลี้ยงไว้กินเศษอาหารบ้านละตัวสองตัว หมูนั้นชอบเย็น ชอบนอนโคลน ชาวบ้านก็มีปลัก (หล่ม) โคลนเอาไว้ให้หมูนอนเล่น หมูชอบแกว่งหาง หางหมูแกว่งไปโดนโคลนๆ ก็จับติดครั้งละเล็กละน้อย จนกลายเป็นก้อนโต บางตัวจับเป็นก้อนใหญ่ขนาดแกว่งหางไม่ได้เลยก็มี โบราณจึงอุปมาโคลนที่ติดหางหมูนี้เปรียบเทียบกับการทำงานของคน ที่ชอบสะสมทอดทิ้งงานคั่งค้างเอาไว้ไม่ยอมทำ จนมากมาย และในที่สุดก็ทำไม่ทันเกิดโทษต่อตนเอง


เด็ดบัวไม่ไว้ใย

         สำนวนนี้มีคำคล้ายๆกันอีกสำนวนหนึ่งคือ “ตัดบัวไม่เหลือใย” โบราณคิดเอาพืชน้ำคือ “บัว” มาเปรียบเปรยเป็นสำนวน ด้วยสังเกตว่า ก้านบัวนั้นมีใย แม้หักออกจากกันก็ยังมีใยเหลือต่อติดกันอยู่ เหมือนความสัมพันธ์ที่เคยมีต่อกันมานาน แม้จะตัดสัมพันธ์แล้วใจก็ยังมีเยื่อใยผูกพันอยู่ การที่ตัดสัมพันธ์โดยไม่เหลือเยื่อใยไว้เลยนี้ ถือเป็นความร้ายแรงอย่างที่สุดที่มีข้อสำนวนเปรียบเทียบคล้ายๆ กันอีกหลายสำนวน เช่น “ตายไม่เผาผี” หรือ “เด็ดดอกไม้ไม่ไว้ขั้ว เด็ดบัวไม่เหลือใย”


เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด

         สำนวนคำพังเพยนี้เป็นนามธรรม การเดินตามหลังผู้ใหญ่โบราณหมายถึง ผู้ที่มีความสามารถ มีประสบการณ์ เคยทำการอย่างนั้นประสบความสำเร็จมาแล้ว ถ้าเอาตัวอย่างมาปฏิบัติตามก็จะประสบความสำเร็จได้โดยง่าย หมาไม่กัด ซึ่งหมายถึง จะไม่มีความล้มเหลวและปลอดภัย (สำนวนนี้มีผู้แก้ความหมายเป็นเชิงหยอกเอินว่า เดินตามผู้ใหญ่ หมาไม่กัดผู้ใหญ่ แต่จะกัดคนที่เดินตาม


ได้ทีขี่แพะไล่

         คำพังเพยสำนวนนี้เป็นคำโบราณสร้างขึ้นเพื่อเอาไว้เตือนใจคนที่จิตใจเหี้ยมโหด ไม่มีความรู้สึกสงสารคนที่เพลี่ยงพล้ำคอยจ้องซ้ำเติม โดยไม่มีจิตเวทนา คำพังเพยสำนวนนี้เขียนขึ้นจากเรื่องนิทานสุภาษิต เมื่อลิงขี่หลังแพะแสดงตัวเป็นปิศาจไล่เสือที่มาซุ่มจะกินวัวชาวบ้าน เสือตกใจวิ่งหนี ลิงก็ขี่หลังแพะวิ่งไล่ตาม


ได้คืบจะเอาศอก

         โบราณนำมาตราวัดความยาวมาผูกเป็นพังเพยเตือนใจคน ที่ว่าได้มาแล้วก็ยังไม่พอหวังจะเอาอีก เพราะมีความโลภเป็นทุนหนุนจิตใจ เรียกว่าได้ไม่พอ สูตรความยาวโบราณกล่าวถึงวิธีวัดไว้ว่า 12 นิ้ว เป็น 1 คืบ 2 คืบเป็น 1ศอก และ 4 ศอกเป็น 1 วา 20 วาเป็น 1 เส้น 400 เส้นเป็น 1 โยชน์ ดังนี้


ได้แกงเทน้ำพริก

         โบราณผูกคำพังเพยนี้เป็นคำเตือนใจ ว่าอย่าทำตนเป็นคนได้ใหม่ลืมเก่า เหมือนได้แกงหม้อใหม่มาอร่อยกว่า ก็กลับมาเทน้ำพริกถ้วยเก่าทิ้งไปสิ้น


เด็กเมื่อวานซืน

         โบราณผูกคำพังเพยนี้สอนคนที่รู้น้อยแต่ชอบอวดรู้ ว่าเป็นเด็กเมื่อวานซืน ประสบการณ์มีน้อย แต่ชอบเบ่งคุยโตโม้ว่าเรียนรู้ชั้นสูงรอบรู้ทุกอย่าง แต่เวลาตอบคำถามก็อึกอักตอบไม่ได้สักอย่าง


ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่

         โบราณนำเรื่องของช้างมาเปรียบกับความเป็นกุลสตรีด้วยสร้างคำพังเพยเปรียบเปรยไว้ว่า หางช้างนั้นเป็นส่วนที่ทำให้ร่างของช้างมีความสง่า หางต้องยาวเรียวปลายหางต้องเป็นพวง เฉกเช่นสตรีจะงามนั้นต้องดูที่มารดาผู้ซึ่งเป็นแบบอย่างของบุตรีแม่ดีลูกก็จะต้องดีตามแม่ ความมุ่งหมายหลักก็คือ ประสงค์จะให้รู้จักพิจารณาลักษณะของคน หรือรู้จักเลือกสตรีมาเป็นคู่ครอง


ดูข้าเมื่อใช้งาน ดูวงศ์วานเมื่อตกยาก

         โบราณสร้างคำพังเพยนี้เพื่อใช้ประกอบในการสังเกตดูคน ผู้ที่ทำหน้าที่คนรับใช้ (ข้า หรือขี้ข้า)ต้องดูที่การทำงานตามที่สั่งว่ามีความขยันขันแข็ง และงานออกมาเรียบร้อยเพียงใด เช่นกัน เมื่อจะดูว่าวงศาคณาญาติพี่น้องจะช่วยเหลืออย่างไรหรือไม่ ก็ให้ดูตอนที่ตัวเรามีความเดือดร้อน หรือตกยากต้องไปขอความช่วยเหลือเมื่อใด ก็จะเห็นธาตุแท้ของพวกเขาเมื่อนั้น


ดีดลูกคิดรางแก้ว

         โบราณนำเครื่องมือในการคิดเลขของคนจีน คือลูกคิดมาเป็นเครื่องเปรียบเปรยถึงความคิดของคน ลูกคิดรางแก้วนั้นก็คือการคิดที่จะได้อย่างเดียว ซึ่งถือเป็นความคิดที่มุ่งจะได้ประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรมใดๆ ทั้งสิ้น


ดักลอบต้องหมั่นกู้ เป็นเจ้าชู้ต้องหมั่นเกี้ยว

         เมื่อเห็นคำพังเพยสำนวนนี้ก็ทายได้ว่า โบราณต้องการจำแนกให้เห็นความมานะพยายามของคนที่เมื่อประสงค์จะทำสิ่งใดก็ตาม โดยยกเอาเครื่องมือจับปลาที่เรียกว่า “ลอบ” มาเปรียบเทียบว่า การดักลอบ ถ้าไม่หมั่นกู้ ก็อาจจะไม่ได้ปลา เพราะจะมีคนมายกลอบปลาเอาไปเสียก่อน เพราะเห็นว่าไม่มีเจ้าของลอบสนใจ เฉกเช่นนักเลงเจ้าชู้ เมื่อประสงค์จะเกี้ยวสาวคนใดก็ต้องใช้ความพยายามในการที่จะไป “เทียวไล้เทียวขื่อ” ประเภท “ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกได้” เช้าเสนอหน้า เย็นเสนอหน้า รับรองว่าใจสาวเจ้าต้องมีวันอ่อน ส่วนเจ้าชู้คนนั้นจะรักจริงหวังแต่งหรือไม่นั้นเป็นไปแล้วแต่บุญกรรม