ท้องยุ้งพุงกระสอบ
สำนวนนี้เป็นคำพังเพยที่โบราณกล่าวขานถึงคนที่กินจุ “กินเหมือนยัดหมอน” เปรียบเหมือนคนที่กินไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอสำนวนอีกคำหนึ่งคือ “ชูชก” ซึ่งเป็นตัวละครเดินเรื่องสำคัญในพระเวสสันดรชาดก กล่าวว่า ชูชกนั้นกินอาหารอร่อยๆ ที่พระเจ้าสีพีเอามาให้จนถึงขั้นท้องแตกตาย
ทุบหม้อข้าว
สำนวนนี้ใช้กันเต็มๆ คือ “ทุบหม้อข้าวหม้อแกง” หรือ “ทุบหม้อข้าวตัวเอง” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้คำนิยามว่า “ทำลายอาชีพ” เพราะ “ทุบหม้อข้าว” มีความหมายว่าตัดอาชีพ ตัดทางทำมาหากิน หรือทำลายอาชีพ หรืออีกความหมายหนึ่งเป็นความหมายตรงข้ามเหมือน “ตายดาบหน้า” หรือ “ไปตายเอาดาบหน้า” สำนวนนี้มาจากประวัติศาสตร์ตอนที่พระเจ้าตากตีเมืองจันทบุรี ทรงตรัสสั่งให้ไพร่พลหุงข้าวหุงปลากินกันอิ่มหนำแล้ว ก็ตรัสสั่งให้ทุบหม้อข้าวหม้อแกงทั้งหมดแล้วตรัสว่า “ถ้าตีเมืองจันทบุรีเข้าไปหุงข้าวกินในเมืองไม่ได้ ก็ให้ตายกันให้หมดพร้อมกัยเถิด” ปรากฏว่าไพร่พลตีเมืองจันทบุรีแตกเพราะจิตวิทยาเรื่องหม้อข้าวหม้อแกงของพระเจ้าตากสินนี่แหละ
ทำนาบนหลังคน
สำนวนนี้ก็มาจากอาชีพของคนเราที่ในสมัยโบราณก็มีอาชีพทำนากันเป็นพื้น ต้องลงแรงทั้งไถ หว่าน ปักดำ และเกี่ยว สำนวนที่ว่า “ทำนาบนหลังคน จึงหมายถึงการหาประโยชน์ใส่ตนโดยการขูดรีดผู้อื่นนั่นเอง
ทำคุณบูชาโทษ
คำพังเพยสำนวนนี้มีเพิ่มมาอีกคำหนึ่งว่า “โปรดสัตว์ได้บาป” เป็นคำพูดง่ายๆ เตือนใจคนว่า การทำคุณกลับเป็นโทษ ทำดีแต่กลับเป็นร้าย การอย่างนี้ยังมีในโลก เพราะมนุษย์นั้นมีจิตสูงต่ำไม่เหมือนกัน และมักจะมองกันในมุมตรงกันข้ามเสมอ
ทาสในเรือนเบี้ย
โบราณนำเรื่องราวของทาสมาสร้างเป็นคำพังเพยให้คนทั่วไปได้ทราบ และเอาไปเปรียบเทียบกับเรื่องราวของชีวิตได้ นั่นคือทาส ที่เรียกกันว่า ทาสในเรือนเบี้ย ซึ่งเป็นลูกของทาสที่นายเงินซื้อมา (อาจเรียกว่าทาสน้ำเงินก็ได้) ทาสพวกนี้จะถูกสั่งให้ทำงานโดยไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นโบราณจึงเปรียบกับคนที่ต้องทำงานโดยไม่มีสิทธิ์โต้แย้งว่าเป็นเหมือนทาสในเรือนเบี้ย
ทอดสะพาน
โบราณนำประเพณีบ้านที่อยู่ริมคลองจะต้องมีสะพานไว้สำหรับทอดรับแขกที่จะมาเยือนให้ข้ามคลองมา ถ้าไม่ใช้ก็จะชักสะพานเก็บไว้ ในคำพังเพยนี้โบราณต้องการให้พ่อแม่ได้เอาใจใส่ในความประพฤติของลูกสาวว่าจะมีทีท่าให้ท่าให้ทางกับผู้ชายหรือไม่ กิริยานั้นเรียกว่า “การทอดสะพาน” ผู้ชายเห็นก็จะเดินเข้ามาหาได้ง่ายๆ ซึ่งผิดลักษณะของกุลสตรี
ทางเตียนเวียนลงนรก ทางรกวนขึ้นสวรรค์
โบราณนำเรื่องของหนทางเดินมาเปรียบเทียบเป็นคำพังเพยเตือนใจคนว่า ทางเตียนนั้นราบเรียบสะดวกสบายเดินง่ายเหมือนความชั่วนั้นทำได้ง่าย ส่วนทางที่รกรุงรัง มีทั้งอุปสรรคขวากหนามสารพัดานั้นก็เหมือนความดีที่จะทำได้ยาก ต้องใช้ทั้งความพยายาม ความอดทน จึงจะบรรลุถึงความดีและไปสู่ทางสวรรค์
ทองไม่รู้ร้อน
โบราณนำเอา “ทองคำ” มาสร้างเป็นคำพังเพยเพื่อเตือนสติคนว่า ทองคำนั้นเมื่อนำไปหลอมละลาย ก็จะละลายกลายเป็นทองเหลว (น้ำทอง) โดยที่ทองคำเองก็ไม่ได้รู้ถึงความร้อนนั้น นำมาเปรียบเทียบกับคนที่เฉยเมย ไม่กระตือรือร้น ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่สะดุ้งสะเทือน ไม่รู้ร้อนรู้หนาวปล่อยตัวตามสบายเหมือนทองที่ไม่รู้จักความร้อน ทั้งๆ ที่ตัวเองถูกความร้อนหลอมละลายเป็นของเหลวไปแล้ว คนอย่างนี้โบราณไม่นิยมเชื่อถือ