ปุ่ม like ของเฟซบุ๊กเป็นเครื่องมือที่นักการตลาดชอบใช้ บริษัทต่าง ๆ ทั้งใหญ่และเล็กก็อาศัยมันเป็นเครื่องมือในการขยายช่องทางการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ขณะที่เฟซบุ๊กเองก็ได้รายได้จากการโฆษณาที่บริษัทธุรกิจใช้ปุ่ม like เป็นเครื่องมือให้คนคลิกเข้าไปหา

แต่ก็มีรายงานจากสำนักข่าวบีบีซีชิ้นหนึ่งที่เป็นข้อเตือนใจเกี่ยวกับการทุ่มให้กับปุ่ม like มากเกินไปแต่กลับสูญเปล่า จากตัวเลขที่เฟซบุ๊กเปิดเผยเองเมื่อต้นปีร้อยละ 5-6 ของผู้ใช้เฟซบุ๊ก หรือคิดเป็นประมาณกว่า 50 ล้านคนนั้นไม่ได้เป็นผู้ใช้งานจริง ๆ แต่เป็นยูสเซอร์ปลอม

ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยให้ความเห็นว่า ยูสเซอร์ปลอมเหล่านี้ส่วนหนึ่งสร้างขึ้นจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีวัตถุประสงค์สำหรับเผยแพร่สแปม และล่อลวงให้คนคลิกลิงก์เพื่อปล่อยมัลแวร์ เป็นต้น ซอฟต์แวร์ตัวเดียวจะสร้างยูสเซอร์ปลอมขึ้นเป็นพัน ๆ โดยผู้สั่งการเพียงคนเดียว และกดปุ่มไลก์ได้มากมายในหน้าเพจเพื่อสร้างชุมชน

แม้เฟซบุ๊กจะปฏิเสธเรื่องนี้ แต่มีข้อสังเกตเกิดขึ้นจากไมเคิล ทิมเมาท์ ที่ปรึกษาการตลาดโซเชียลมีเดีย ซึ่งทำแคมเปญบนเฟซบุ๊กให้กับธุรกิจจำนวนหนึ่ง ซึ่งตอนแรก ๆ ลูกค้าก็ชอบใจกับผลงาน แต่ต่อมา

ก็รู้สึกแปลก ๆ กับโปรไฟล์ของคนที่คลิกโฆษณาเข้ามา เพราะทั้งหมดของผู้ที่คลิกมาจากประเทศอย่างฟิลิปปินส์และอียิปต์ เป็นต้น

เมื่อเข้าไปดูรายละเอียดพบว่า อายุอยู่ระหว่าง 13-17 ปี และตรวจลึกลงไปอีกแต่ละรายคลิก like เพจกัน 3,000-4,000 เพจ หรือที่สูงขึ้นไปถึง 5,000 เพจก็มี บางชื่อยูสเซอร์ก็ประหลาด ๆ ดูเป็นชื่อ

ที่ถูกสร้างขึ้นมา รายหนึ่งชื่อ Agung Pratama Sevenfoldism ระบุว่าเกิดปี 1997 และทำงานที่เชฟรอนปี 2010 เป็นต้น

ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

สำนักข่าวบีบีซีทดลองสร้างเพจบริษัทปลอม ๆ ขึ้นมาบนเฟซบุ๊กชื่อ VirtualBagel เพื่อทดสอบดู ก็ปรากฏว่าผู้ที่กดปุ่ม like มีมาจากฟิลิปปินส์และอียิปต์อย่างไม่เป็นสัดส่วน กับจากสหรัฐและอังกฤษ

ปัญหาของทิมเมาท์ไม่ได้จบแค่นั้น เพราะลูกค้าบางรายปฏิเสธที่จะจ่ายเงินให้กับการคลิกที่ไม่ได้มาจากคนจริง ๆ เมื่อขอให้เฟซบุ๊กตรวจสอบโปรไฟล์ที่น่าสงสัย เฟซบุ๊กกลับตอบว่าเป็นเพราะการยิงโฆษณากระจายไปทั่วโลกโดยไม่เจาะลงกลุ่มเป้าหมายให้ชัด

หลายคนที่เล่นกับโฆษณาบนเฟซบุ๊กเริ่มจะมองเห็นว่าผลตอบแทนที่กลับมาได้ไม่คุ้มค่า บางรายเลือกที่จะใช้มันเป็นเพียงช่องทางการเข้าถึงลูกค้าโดยไม่เสียเงินซื้อโฆษณา

แต่บางรายก็ทำแล้วได้ผล
 

ที่มา. http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1342683783&grpid=03&catid=06&subcatid=0600