แอลจี ประกาศปรับกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีสีเขียว สานต่อนโยบาย “กรีน 2020” ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 200 ล้านตัน ระหว่างปี 2552-2563 เน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์ประหยัดพลังงาน…

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ประกาศตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกระบวนการผลิตให้ได้จำนวน 14 ล้านตันภายในสิ้นปี 2554 หลังสามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 12.9  ล้านตันเมื่อปี 2553 โดยแอลจีวางเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ทั้งหมด 200 ล้านตัน ระหว่างปี 2552-2563 ภายในนโยบาย “กรีน 2020” โดยมุ่งลดก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิต ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงการขนส่งที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะให้ความสำคัญในการลดก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกระบวนการผลิต อุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ การดำเนินการ รวมถึงการบริหารจัดการพลังงาน เช่น การนำเครื่องทำความชื้นมาใช้แทนระบบไอน้ำร้อนและเครื่องปรับอากาศ การรีไซเคิลผลิตภัณฑ์เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เป็นต้น

นายสก็อต อานน์ ประธานบริหารฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ เปิดเผยว่า ด้วยความมุ่งมั่นในการผลักดันเทคโนโลยีสีเขียว บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 200 ล้านตันได้เร็วกว่าที่กำหนด ขณะเดียวกัน ยังถือเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ ให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีจุดเด่นด้านการประหยัดพลังงานแก่ผู้บริโภคมาตลอด โดยในปีนี้ยังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งเน้นการประหยัดพลังงาน พร้อมตั้งเป้าลดก๊าซปฏิกิริยาเรือนกระจกเพิ่มขึ้น 8%

เช่นเดียวกับ แอลจี ประเทศไทย โดยมีการวางแผนปรับปรุงการประหยัดพลังงานในหลายด้าน คาดว่าจะสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ถึง 2,624,780 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงภายในปีนี้ และยังเตรียมติดตั้งระบบโซล่าร์เซลล์ รวมถึงการปรับปรุงระบบไฟ การติดตั้งสกายไลท์ภายในโรงงานซึ่งตั้งอยู่ที่จ.ระยอง และมีกำลังการผลิตสินค้าถึง 8.5 ล้านชิ้นต่อปีในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งคณะกรรมการด้านการประหยัดพลังงานซึ่งเกิดจากการรวมตัวของพนักงานแผนกต่างๆ เพื่อร่วมกันกำหนด “นโยบายการรณรงค์ประหยัดพลังงาน” ควบคุมกระบวนการผลิตเครื่องซักผ้า ทีวี เครื่องปรับอากาศ และคอมเพรสเซอร์อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ พร้อมการแนะนำนวัตกรรมเพื่อช่วยประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่อง เช่น เครื่องปรับอากาศรุ่น Inverter V 4D หรือตู้เย็นรุ่น Linear Compressor ซึ่งสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคและประหยัดพลังงาน

/ ที่มาของข่าว : ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 10 – 06 – 2554